วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ฟิล์มกรองแสง AMERITECH

   
  ฟิล์มกรองแสง AMERITECH
       “อเมริเทค” ฟิล์มกรองแสงลดความร้อนสำหรับรถยนต์ แบรนด์ที่คิดแทนคุณรอบด้าน เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของทุกคน สินค้าระดับพรีเมี่ยมผ่านกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีอเมริกาที่ทันสมัยโดดเด่น แตกต่าง ฉีกทุกแนวทางในวงการฟิล์มกรองแสง แบรนด์ใหม่ที่ทุกอย่างรวมกันอย่างลงตัว ภายใต้คำว่า มาตรฐาน


     ฟิล์มกรองแสงอเมริเทครุ่น "เมทัลลิค" สะท้อนความเป็นตัวคุณ ด้วยความเงางามยอดนิยม
      ฟิล์มกรองแสงลดความร้อนเคลือบอนุภาคโลหะ ลดความร้อนได้ดี โทนสีทันสมัย มีสไตล์ ทนทาน อายุการใช้งานยาวนาน ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีความนิยมในการใช้งานมายาวนาน ด้วยการทำแผ่นของไอโลหะ หรืออนุภาคโลหะ เข้ามาประกอบเพื่อยึดติดกับแผ่นฟิล์มโพลีเอสเตอร์ใส ทำให้ สามารถกันคลื่นความร้อน (อินฟราเรด) ได้กว่า 60-80% ในระดับราคาที่ไม่แพงมาก สามารถลดความร้อนรวมจากแสงแดดได้กว่า 88%


    ฟิล์มกรองแสงรุ่น "ไฮบริด" ที่สุดของการรอคอย ที่สุดของฟิล์มกรองแสงที่ ไม่มีปรอทสะท้อนเงา แต่ยังคงลดความร้อนได้สูงมากกว่าหรือเท่ากัน
      ด้วยการใช้ เทคโนโลยีมาผสมผสานจากแผ่นฟิล์มชนิดสี (Dyed Polyster Film) มาเคลือบด้วยสารพิเศษนาโน (Nano Technology) จึงได้ฟิล์มกรองแสง ที่ไม่สะท้อนเงา แต่สามารถกันความร้อนรวมได้สูง และที่สำคัญ ราคาไม่แพง เพื่อเพิ่มความสามารถในการลดคลื่นความร้อน (อินฟราเรด) ได้สูงกว่า 80% แต่ที่สำคัญไม่มีส่วนประกอบของโลหะใดๆมาเจือปน จึงทำให้ฟิล์มรุ่นนี้ไม่สะท้อนเงา

      เพื่อเพิ่มความสามารถในการลดคลื่นความร้อน (อินฟราเรด) ได้สูงกว่า 80% แต่ที่สำคัญไม่มีส่วนประกอบของโลหะใดๆมาเจือปน จึงทำให้ฟิล์มรุ่นนี้ไม่สะท้อนเงา เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบฟิล์มที่ไม่สะท้อนแสง แต่ต้องการลดความร้อนได้สูงๆ และไม่รบกวนคลื่นสัญญาณ เช่น GPS, Radio, Mobile Phone, Easy Pass เป็นต้น ในระดับราคาที่ไม่แพงจนเกินไป การรับประกัน 7 ปี

      เหมาะสมกับผู้ที่ไม่ชอบแสงสะท้อนทั้งภายในและนอกรถยนต์ โดยที่ยังกันความร้อนได้สูง เช่นเดิม และที่สำคัญราคาที่ไม่แพงมากจนเกินไป สินค้ามีทั้งหมด 4 รุ่น ตามความต้องการ ทั้งใสเคลียร์ ไปจนถึงเข้ม




     ฟิล์มกรองแสงรุ่น "นาโน" ที่สุดของฟิล์มกรองแสงกันคลื่นความร้อนที่ตอบสนองความต้องการ
      ในการลดคลื่นความร้อนได้สูงสุดถึง 97% โดยไม่มีส่วนประกอบใดๆของโลหะไม่สะท้อนเงา ไม่รบกวน คลื่นสัญญาณการสื่อสารต่างๆ ของโลกแห่งเทคโนโลยี ยุคปัจจุบัน ในระดับราคาที่สัมผัสได้ การรับประกัน 7 ปี
    
     "นาโนเทคโนโลยี" กับการนำมาประยุกต์ใช้ในการผลิตฟิล์มกรองแสงด้วย การคัดเลือก Nano Particles ที่มีขนาด 1 ในพันล้านส่วน (1นาโนเมตร = 10-9 เมตร) เช่น เซรามิค (Ceramic), ATO (Antium Tin Oxide) ITO (Indium Tin Oxide) และจึงนำมาเข้ากระบวนการผลิต ร่วมกับแผ่น P.E.T. ชนิดใสพิเศษจนได้แผ่น ฟิล์มที่สามารถกันคลื่นความร้อน และรังสียูวี ได้เกือบ 100% โดยไม้ต้องมีสีหรือ โลหะเป็นส่วนประกอบ โดยทั่วไปจะมีความหนารวม 1.5-2 Mil



     ฟิล์มนิรภัย มีประโยชน์ดังนี้
     1. ป้องกันการกระจายของเศษกระจกจากการเกิดอุบัติเหตุ
     2. ป้องกันอุบัติเหตุจากการขว้างหรือปาหินที่กระจกรถยนต์ (ตามคุณสมบัติ)
     3. ช่วยยืดระยะเวลาการถูกโจรกรรมทรัพย์สินภายในรถยนต์ได้ในระดับหนึ่ง
      ด้วยแผ่นด้วยแผ่นฟิล์มกรองแสงที่หนาขึ้นและการใช้กาว (Adhesive) ที่มีความเหนียวเป็นพิเศษ สามารถยึดเกาะกับกระจกไม่ให้หลุดออกยามเกิดอุบัติเหตุ หรือจากการเคาะ ทุบกระจกจากมิจฉาชีพ มีความหนา 4Mil ไปจนถึง 21 Mil และที่สำคัญมาพร้อมกับคุณสมบัติในการลดความร้อน และกันรังสี UV ได้เช่นเดียวกับฟิล์มปกติ
     
    หากท่านมีข้อสงสัย สนใจ หรือต้องการติดต่อสอบถามข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับอเมริเทคฟิล์ม สามารถติดต่อได้ 
บริษัท โซล่าร์ การ์ด มาร์เกตติ้ง จำกัด 
โทรศัพท์ : 0-3487-8401-2 



วันศุกร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ข้อแนะนำการเลือกฟิล์มกรองแสง

เทคนิคเลือกฟิล์มกรองแสง
เมืองไทยเป็นเมืองร้อน ร้อยทั้งร้อย เมื่อมีรถใหม่ สิ่งแรกที่เจ้าของต้องติดตั้งเพิ่มเติม คือ ฟิล์มกรองแสง การเลือกฟิล์มกรองแสงสำหรับรถยนต์ โดยทั่วไปแล้ว เป็นเรื่องที่ไม่ยากเย็น แต่จะให้ประหยัดและคุ้มค่า ควรมีความเข้าใจพื้นฐานของระบบการทำงาน ของฟิล์มกรองแสง ซึ่งอาจจะช่วยให้ท่าน นำไปตัดสินใจได้ว่า จะเลือกอย่างไร จึงสมเหตุสมผล ปัจจุบันนี้พบว่า ส่วนหนึ่งคนซื้อยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน เกี่ยวกับฟิล์มกรองแสง โดยเฉพาะความเข้าใจระหว่างความทึบแสง กับความสามารถในการป้องกันความร้อน ความเข้าใจที่ว่า ฟิล์มที่มีสีเข้มหรือทึบ ช่วยลดความร้อนได้ดี ในความจริงแล้ว สีของฟิล์มไม่ได้เป็นตัวช่วยลดความร้อน แต่กลับเป็นสารเคลือบตัวอื่นๆที่ทำหน้าที่หลักนี้

รู้จักฟิล์มกรองแสง
ฟิล์มกรองแสง ทำจากพลาสติก โพลีเอสเตอร์ที่มีความเหนียว บาง เรียบสามารถแนบสนิทเป็นเนื้อเดียวกับกระจก โดยยึดกระจกด้วยกาวที่มีความใส ดังนั้น เราจึงมองผ่านฟิล์มได้ชัดเจน ฟิล์มกรองแสงรถยนต์ที่ต้องการกันความร้อนนั้น ต่างไปกับฟิล์มลด แสงสว่างทั่วไป เพราะฟิล์มกรองแสงทั่วไป ย้อมสีเพื่อกรองแสงสว่างเท่านั้น ในขณะที่ฟิล์มกรองแสงที่กันความร้อน จะต้องลดรังสีอุลตราไวโอเลตได้ด้วย

ฟิล์มย้อมสี
เป็นฟิล์มที่มีคุณสมบัติในการลดแสงสว่าง ที่ผ่านเข้ามาทางกระจกเท่านั้น แต่ไม่ได้มีคุณสมบัติในการลดความร้อน หรือหากมีก็มีเพียงเล็กน้อย เมื่อมีการใช้งานไปสักระยะหนึ่ง ฟิล์มจะกลายสีเป็นสีม่วง ซึ่งให้ทัศนวิสัยในการขับขี่รถยนต์ที่ผิดเพี้ยน เป็นอันตราย แต่หากฟิล์มกรองแสงทั่วไปผลิตมาจากโพลีเอสเตอร์คุณภาพสูง จะมีคุณสมบัติในการลดรังสีอุลตราไวโอเลตด้วย

ฟิล์มกรองแสงลดความร้อน หรือ ฟิล์มเคลือบโลหะ
เป็นฟิล์มกรองแสงที่มีคุณสมบัติ ในการลดความร้อนที่ผ่านเข้ามาทางกระจกได้ดี โดยอาศัยคุณสมบัติของไอโลหะ ที่เคลือบบนฟิล์มในการกรองความร้อน และสะท้อนความร้อน ซึ่งมีผลให้ความร้อนผ่านเข้ามาทางกระจกได้น้อยลง สีของฟิล์มที่ได้จะแตกต่างไป ตามประเภทของไอโลหะที่นำมาเคลือบ รวมทั้งยังสามารถย้อมสีของฟิล์มเพื่อให้ฟิล์มมีสีต่างๆ ได้ โดยปกติกระบวนการเคลือบไอโลหะมีขั้นตอนซับซ้อนและค่าใช้จ่ายสูง

กาวสะท้อนคุณภาพฟิล์ม     ฟิล์มกรองแสงที่ดี จะต้องพิจารณาจากคุณสมบัติของกาวด้วย กาวที่ดีต้องมีความบางใส และเหนียว เมื่อติดแล้วต้องทนทานต่อสภาวะความร้อนเย็นของกระจก ที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ยึดติดกับกระจกได้ดีไม่ทำให้ฟิล์มกรองแสงนั้นๆ พอง ลอก ล่อน เป็นฟองอากาศ อีกทั้งกาวที่ดี ควรมีคุณสมบัติที่ติดแน่นกับเนื้อฟิล์ม เมื่อต้องการลอกฟิล์มออกมา กาวควรอยู่บนด้านฟิล์ม มิใช่ด้านกระจก รวมทั้งกาวจะต้องไม่เปลี่ยนสี ซึ่งก่อให้เกิดการเปลี่ยนสีของฟิล์มที่ติด ที่เรียกว่าฟิล์มเป็นสนิม นอกจากนี้ ฟิล์มที่ดีจะต้องป้องกันรอยขีดข่วน หรือเคลือบสารกันรอยขีดข่วน ฟิล์มกรองแสงทำมาจากโพลีเอสเตอร์ มีจุดอ่อนในเรื่องความอ่อนของผิว ซึ่งมักสามารถเป็นรอยเส้นคล้ายรอยขนแมวได้ง่าย เมื่อมีการขีดข่วนจากการใช้งานปกติ
แต่ปัจจุบันได้มีการคิดค้นสารเคมี ที่ทำหน้าที่เคลือบแข็งบนผิวของฟิล์ม ทำหน้าที่ในการป้องกันการขีดข่วนจากการใช้งานปกติ คุณสมบัตินี้ ทำให้ฟิล์มมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น และดูสวยงามตลอดอายุการใช้งาน จำไว้ว่าฟิล์มกรองแสงที่ดีไม่ใช่ฟิล์มที่ช่วยลดแสงจ้าได้เพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีความสามารถในการสะท้อนแสงอาทิตย์ได้ ทำให้ผู้ใช้รู้สึกสบายในการขับขี่ รวมทั้งช่วยประหยัดพลังงาน ในการทำงานของเครื่องปรับอากาศในรถด้วย ซึ่งการเลือกฟิล์มที่มีค่า SHADING COEFFICENT (SC) ต่ำๆ ยังมีส่วนช่วยลดพลังงานที่ใช้ในการปรับอากาศได้ และที่สำคัญ ต้องเป็นฟิล์มที่มีความปลอดภัยสามารถยึดเกาะกระจกได้

การเลือกฟิล์มกรองแสง

ไทยเป็นเมืองร้อน และยิ่งถ้าเราขับรถ เราก็ยิ่งมีโอกาสเจอกับแสงแดด และความร้อนได้อย่างมากจนบางครั้งเราแทบจะทนไม่ได้ วิธีหนึ่งที่จะช่วยลดความร้อนจากแสงแดดได้ คือการติดตั้งฟิล์มกรองแสงแต่ในตลาดบ้านเรา ก็มีอยู่มากมายหลายยี่ห้อ เราควรมีวิธีพิจารณาเลือกติดตั้งฟิล์มกรองแสงให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดได้ดังนี้

คุณภาพ
ฟิล์มกรองแสงที่มีคุณภาพดี ควรมีคุณสมบัติต่าง ๆ ของฟิล์ม เช่น

การลดความร้อน
การลดรังสียูวี
การสะท้อนแสง
แสงส่องผ่าน

ต้องเป็นค่ามาตรฐานจากโรงงานผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ และควรเป็นไปตามมาตรฐานของ AIMCAL ซึ่งย่อมาจากASSOCIATION OF INDUSTRIAL METALLIZERS COATERS AND LAMINATORS - ASTM AMERICAN STANDARD TEST METHODS และ ASHRAE มิใช่ค่าที่พิมพ์หรือโฆษณาโดยปราศจากหลักฐานอ้างอิง
ข้อดีของการติดฟิล์มกรองแสง
1. ช่วยลดแสงจ้า ให้ความรู้สึกสบายตา ในยามขับขี่ และช่วยลดความเครียดของดวงตาในภาวะที่แดดจัดๆ หรือแม้แต่ตอนเช้าที่แสงแดดอ่อนๆ แต่ก็ส่องเข้าตานั้น แสงแดดก็ยังเป็นปัญหาสำคัญ สำหรับผู้ที่ต้องการขับรถทุกคน เพราะการมองผ่านกระจกออกไปยังถนนที่แสงแดดจัดนั้น เป็นสาเหตุให้ดวงตาเกิดความเครียดเมื่อยล้า สายตาเสีย ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ ส่วนผู้ที่ขับขี่รถยนต์ที่ติดฟิล์มกรองแสงนั้น ก็จะเป็นการช่วยลดแสงจ้าทำให้ทัศนวิสัย หรือการมองเห็น ในขณะขับรถมีประสิทธิภาพเต็มที่ รู้สึกสบายตาและไม่เกิดความเมื่อยล้า
2.การช่วยลดความร้อนจากแสงแดด เพราะประเทศไทยตั้งอยู่ในแถบใกล้เขตเส้นศูนย์สูตร
3.ป้องกันรังสีอุลตร้าไวโอเลต ( UV ) จากแสงแดด ซึ่งเป็นตัวการอย่างมากที่ทำให้ผิวเป็นฝ้า ตกกระ และยิ่งไปกว่านั้น แสงแดดยังเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคมะเร็งผิวหนังอีกด้วย การติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ชนิดที่มีคุณภาพ จะช่วยป้องกันรังสีอุลตร้าไวโอเลตได้มากกว่า 99% ช่วยถนอมผิวและสุขภาพของผู้โดยสารภายในรถยนต์
ยิ่งไปกว่านั้น รังสี UV ยังเป็นสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้วัสดุภายในรถยนต์ซีดจางและเสื่อมคุณภาพ ดังนั้น การติดฟิล์มกรองแสง จะช่วยชะลอการซีดจาง ของวัสดุอุปกรณ์ตกแต่งภายในรถยนต์ เป็นการรักษาและยืดอายุการใช้งาน ซึ่งถือเป็นการช่วยป้องกันความเสียหาย ของวัสดุภายในรถไว้ตั้งแต่ต้นเหตุสภาพภูมิอากาศโดยรวมจะมีอุณหภูมิสูง แม้กระทั่งในช่วงหน้าหนาว ถึงอุณหภูมิจะไม่สูงมากนัก แต่แสงแดดก็ยังแรงอยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่ต้องใช้รถใช้ถนนเป็นระยะเวลานานๆ ก็มีโอกาสได้รับความร้อนจากแสงแดดมากกว่าปกติ
4. ช่วยลดอันตรายจากการแตกกระจาย ของกระจกรถยนต์ ในเวลาที่เกิดอุบัติเหตุ หากรถเกิดการเฉี่ยวชนจนกระทั่งกระจกแตกร้าว รถที่ติดฟิล์มรถยนต์ที่ได้คุณภาพ ผลิตจากโพลีเอสเทอร์ชั้นเยี่ยม และกาวพิเศษจะสามารถช่วยยึดเกาะเศษกระจกที่แตกไว้ด้วยกันไม่ให้ร่วงหล่นมาบาดโดนส่วนต่างๆ ของร่างกาย หรือทำอันตรายต่อผู้โดยสารในรถ
5.เพิ่มความสวยงามให้กับตัวรถและอาคารบ้านเรือน ทั้งนี้เพื่อให้ได้ประโยชน์จากฟิล์มกรองแสงอย่างคุ้มค่าและครบถ้วนดังที่กล่าวมาข้างต้น ผู้บริโภคจำเป็นจะต้องทราบข้อมูลต่างๆให้ชัดเจน และถูกต้องเป็นจริงเพื่อนำมาพิจารณา ก่อนการตัดสินใจเลือกซื้อฟิล์มกรองแสงรถยนต์ เนื่องจากในประเทศไทย มีฟิล์มกรองแสงอยู่มากมายหลายยี่ห้อ หลายรุ่นด้วยกัน เพิ่มความเป็นส่วนตัวภายในห้องโดยสาร
6.เพิ่มทัศนวิสัยที่ดีขณะขับขี่แม้ในยามค่ำคืน
7.ปกป้องวัสดุ อุปกรณ์และเฟอร์นิเจอร์ ภายในรถและอาคารบ้านเรือน
8. ประหยัดไฟฟ้าและพลังงาน ช่วยให้เครื่องปรับอากาศ ไม่ต้องทำงานหนักช่วยยืดอายุการใช้งาน

ผู้จัดจำหน่ายในประเทศไทย
ต้องเป็นบริษัทที่มีความตั้งใจ, จริงใจ และประสบการณ์ในการทำธุรกิจฟิล์มกรองแสง อย่างต่อเนื่องยาวนานเชื่อถือได้ และไม่มีการโฆษณาหลอกลวง หรือเปลี่ยนยี่ห้อไปเรื่อยๆ มีมาตรฐานการรับประกันคุณภาพที่เชื่อถือได้โดยทั่วไปการรับประกันคุณภาพจะไม่ต่ำกว่า 7 ปี และสิ้นสุดเมื่อมีการเปลี่ยนชื่อเจ้าของรถ ดังนั้น ผู้บริโภคจึงต้องเลือกบริษัทตัวแทนจำหน่ายที่ท่านมั่นใจว่า ตลอดระยะเวลาการรับประกัน บริษัท ฯ จะยังคงดำเนินธุรกิจฟิล์มกรองแสงอยู่อย่างมั่นคง และพร้อมที่จะรับผิดชอบหากฟิล์มที่ติดตั้งไปเกิดปัญหาใด ๆ ขึ้น
ราคา
ราคาต้องสมเหตุสมผล เหมาะสมกับคุณภาพในระดับที่ยอมรับได้ ไม่ใช่ต้องแพงเพียงเพราะมีชื่อเสียงมานานหรือเพราะโฆษณาเกินจริง ทำให้ตั้งราคาแพง หรือสูงขึ้นอีก ไม่สมคุณภาพที่โฆษณาไว้ โดยส่วนมากฟิล์มเคลือบโลหะ ทั้งชนิท Sputtered และ Metallized จะมีราคาสูงกว่าฟิล์มเคลือบสีประมาณ 1-2 เท่าตัว
โฆษณาผู้บริโภคควรพิจารณาโฆษณาของฟิล์มกรองแสงต่าง ๆ ให้ดีก่อนเลือกติดตั้ง ต้องเป็นโฆษณาที่ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่มีการโฆษณาชวนเชื่อเกินจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง % การลดความร้อน และคุณสมบัติต่าง ๆ ของฟิล์มกรองแสง % การลดความร้อนที่ถูกต้องนั้นต้องเป็น % การลดความร้อนจากแสงแดด

นอกจากนี้ ยังควรพิจารณาถึงวิธีการทดสอบคุณภาพของฟิล์มกรองแสงด้วยว่า เชื่อถือได้หรือไม่ เช่น ไม่ควรทดสอบฟิล์มด้วยแสงสปอตไลท์ไม่ว่าจะโดยการให้ผู้บริโภคใช้มืออัง หรือยืนท่ามกลางแสงสปอตไลท์ ทั้งนี้เพราะเวลาเราขับรถจริง ๆ นั้น เราขับรถภายใต้แสงแดดมิใช่แสงสปอตไลท์ และแหล่งกำเนิดแสงทั้งสองชนิดนี้ก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และบางครั้งยังมีกรณีว่าฟิล์มที่ใช้เวลาทดสอบกับฟิล์มที่นำมาติดตั้งให้นั้น เป็นคนละชนิดกัน หรือใช้ฟิล์มติดตั้งซ้อนทับกันสองชั้นในการทดสอบ จุดนี้ผู้บริโภคต้องพึงระวัง
**รู้จักฟิล์มกรองแสง**
ฟิล์มกรองแสง คือ ฟิล์มพลาสติก ซึ่งส่วนใหญ่ทำมาจากโพลิเอสเทอร์ เหนียว มีความบางเรียบไร้รอยย่นและสามารถแนบสนิท เป็นเนื้อเดียวกับกระจก ที่นำฟิล์มไปติดซึ่งยึดติดอยู่บนกระจกได้ด้วยกาวที่มีความใสไม่ทำให้ภาพที่มองผ่านฟิล์มบิดเบือน(distortion)โดยปกติแล้วฟิล์มกรองแสงทำหน้าที่ในการลดหรือกรองแสงสว่าง
ที่ผ่านเข้ามาทางกระจก ดังนั้น ฟิล์มกรองแสง ทั่วไปจึงมีการย้อมสีเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะการกรองแสงสว่างเท่านั้นแต่ฟิล์มกรองแสงที่มีคุณภาพดีกว่า
ฟิล์มกรองแสงทั่วไปจะต้องสามารถลดความร้อนและรังสีอัลตราไวโอเลตที เป็นสาเหตุของการซีดจางของสีและบ่อเกิดของปัญหาทางสุขภาพได้ด้วย

ประเภทของฟิล์มกรองแสง

1 ฟิล์มย้อมสี (Dyed Film) เป็นฟิล์มที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นต่ำโดยจะนำสีมาย้อมที่กาวโพลีเอสเตอร์ มีคุณสมบัติ ในการกรองแสงไดแต่สามารถลดความร้อนได้น้อย กาวที่ใช้ไม่มีคุณภาพราคาถูก อายุการใช้งานสั้นไม่เกิน 3 ปีเมื่อเสื่อมสภาพ สีจะจางลง เปลี่ยนเป็นสีม่วง โป่งพองกาวจะเสี่ยมทำให้รบกวนทัศนวิสัย ส่วนใหญ่ใช้เป็นฟิล์มแถมฟิล์มย้อมสีนี้ยังมีผู้บริโภค ที่เข้าใจผิดอยู่ว่าติดแล้วสามารถลดความร้อนได้ โดยเฉพาะผู้ที่เลือกสีเข้ม (ฟิล์ม 80% หรือแสงส่องผ่านได้ประมาณ 5-10%) เพราะความเข้มของฟิล์มจะทำให้รู้สึกสบายแต่สีของฟิล์มที่เข้มมากยิ่งจะดูดซับพลังงาน
ความร้อนไว้แล้วค่อยๆส่งผ่านมาในอาคารหรือรถยนต์ทำให้ร้อนขึ้น
2 ฟิล์มเคลือบละอองโลหะ (Metallized Film) เป็นฟิล์มที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงโดยใช้วิธีทางวิทยาสาศตร์นำเอา อนุภาคของโลหะมาเคลือบไว้บนแผ่นโพลีเอสเตอร์ ทำให้สามารถสะท้อนพลังงานความร้อนได้ดียิ่งขึ้น จึงสามารถลด ความร้อน ได้ดีกว่าฟิล์มย้อมสีมาก อายุการใช้งานนานกว่าประมาณ 5 - 7ปี กาวและโพลีเอสเตอร์มีคุณภาพดีกว่า ราคาสูงกว่า
3 ฟิล์มเคลือบอนุภาคโลหะ (Metal Sputtering Film) ใช้การเหนี่ยวนำของประจุไฟฟ้าในสุญญากาศให ้อนุภาค โลหะไปเกาะติดบนแผ่นโพลีเอสเตอร์ ทำให้ได้ฟิล์มที่มีความคงทนมาก ลดความร้อนได้มากพอกันกับที่2 ประมาณ 50-70% ฟิล์มประเภทนี้เหมาะสมกับการใช้ติดตั้งกระจกอาคารมากที่สุด มีราคาค่อนข้างสูง